ข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์

ทรัพยสิทธิ คือ สิทธิที่อยู่เหนือทรัพย์สินนั้นๆ โดยทรัพยสิทธิตามกฎหมายที่พบเห็นได้บ่อยก็คือ “กรรมสิทธิ์” และ “สิทธิครอบครอง” โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หลักเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ สามารถ “ใช้สอย / จำหน่ายทรัพย์สินของตน/ ได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น /มีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ / มีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งตรงข้ามกับ “สิทธิครอบครอง” ที่กฎหมายระบุเพียงแค่ บทสันนิษฐานเอาไว้ หากผู้ใดครอบครองทรัพย์นั้นๆ อยู่ ผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง

ดังนั้นหากท่านต้องการจะทำนิติกรรมกับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน เพื่อป้องกันการเกิดข้อพิพาท เกี่ยวกับทรัพย์ขึ้น ประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญคือ เจ้าของที่ดินเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ดังกล่าว หรือเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์เท่านั้น เบื้องต้นเราสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลทางทะเบียน เนื่องจากที่ดินเป็นอสังหาริมทรัพย์มราต้องดำเนินการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยต้องดำเนินตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนในโฉนดที่ดินจากสำนักงานที่ดินก่อนการทำนิติกรรม หากปรากฏชื่อผู้ใดในโฉนดที่ดินผู้นั้นก็ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายในเบื้องต้นแล้ว แต่หากมีบุคคลภายนอกอ้างสิทธิว่า ตนได้เข้ายึดถือที่ดินเพื่อตนเป็นเวลาหลายสิบปี การมีชื่อในโฉนดที่ดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่ปลอดภัย ในการรักษาสิทธิครอบครองอีกต่อไป เนื่องจากท่าน อาจกำลังถูกบุคคลภายนอกเข้าครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของท่าน ซึ่งเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกิดขึ้น อันดับต้นๆ ในสังคมไทย

การครอบครองปรปักษ์คืออะไร

การครอบครองปรปักษ์เป็นการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้

  1. 1.ต้องเป็นการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น โดยมีการเข้าไปยึดถือเพื่อใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของผู้อื่น ประการสำคัญคือต้องไม่ใช่ที่ดินของผู้ครอบครองปรปักษ์เอง เพราะการครอบครองปรปักษ์จะเกิดขึ้นได้ก็แต่เฉพาะในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น
  2. 2.ทรัพย์สินที่ครอบครองต้องเป็นทรัพย์ที่สามารถกรรมสิทธิ์ได้ ถ้าเป็นที่ดินก็ต้องเป็นที่ดินมีโฉนดเท่านั้น ส่วนที่ดินมือเปล่า ได้แก่ ที่ดินตาม ส.ค.1 หรือ น.ส.3 หรือ น.ส. 3 ก. หรือไม่มีหลักฐานใดเลย จะมีได้เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น จึงไม่อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 ได้
  3. 3.ต้องเป็นการครอบครองโดยความสงบ คือครอบครองอยู่ได้โดยไม่ได้ถูกกำจัดให้ออกไป หรือถูกฟ้องร้องมีคดีความกัน หรือโต้เถียงกรรมสิทธิ์กัน
  4. 4.ต้องเป็นการครอบครองโดยเปิดเผย คือ ไม่ได้มีการปิดบังอำพราง หรือซ่อนเร้นเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น
  5. 5.ต้องเป็นการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ คือ การยึดถือครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น มิใช่เพียงแต่ยึดถือครอบครองเพื่อตนเองอย่างสิทธิครอบครองเท่านั้น แต่จะต้องมีการยึดถือครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นเอง
  6. 6.ระยะเวลาในการได้กรรมสิทธิ์ ต้องเป็นการครอบครองโดยความสงบ และโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น โดยหลักต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ เช่น ทรัพย์สินอื่นที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ต้องครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ ตามหลักของการครอบครองปรปักษ์
reporter Supervision | Managing Director Tsutomu Kawamura
Attorney at Law (Japan) ALG & Associates LPC.
Numerous cases of employees stealing trade secrets have been reported in the media, and the number of incidents continues.Factors behind these factors include intensifying corporate competition, the digitization of information, and increased mobility of human resources.(dummy)

Contact Us

+66-2-254-5799 Contact